tag:blogger.com,1999:blog-79925858515639826952024-03-14T03:42:42.638-07:00เด็กชายทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.comBlogger14125tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-55456401731204566422010-02-23T19:39:00.000-08:002010-02-23T19:40:17.540-08:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgqEFwra2dFGn085KgDUB4cSFT9wOk20YqfrdBG3FQAFu6P-nFi9VEaSC3XDmE5dyP2iYkiWXvS3f54leDxpzSw8uyLNYnhiPDKSsQoD26AIa2SRbB_tSDWhw20wWxQV9If-p6Fwp336PXu/s1600-h/19-9.JPG"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5441649681607116098" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 221px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgqEFwra2dFGn085KgDUB4cSFT9wOk20YqfrdBG3FQAFu6P-nFi9VEaSC3XDmE5dyP2iYkiWXvS3f54leDxpzSw8uyLNYnhiPDKSsQoD26AIa2SRbB_tSDWhw20wWxQV9If-p6Fwp336PXu/s320/19-9.JPG" border="0" /></a><br /><div>ถ้าเรามีความประสงค์จะบันทึกการเปลี่ยนแปลงความกดของอากาศตลอดชั่วโมง ตลอดวัน หรือตลอดเดือน ก็สามารถทำได้ โดยใช้แขนปากกาต่อกับกล่องโลหะ ซึ่งถูกดูดอากาศออกเป็นบางส่วน แล้วใช้แผ่นบักทึก ความกดม้วนรอบกระบอก ซึ่งหมุนด้วยลานนาฬิกา เครื่องบันทึกความกดอากาศนี้เรียกว่า "บารอกราฟ" (barograph)ที่มา<a href="http://nuaom086.blogspot.com/2009_12_01_archive.html">http://nuaom086.blogspot.com/2009_12_01_archive.html</a><a href="http://guru.sanook.com/encyclopedia/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8/">http://guru.sanook.com/encyclopedia/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8/</a></div>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-9191811712595545412010-02-23T19:18:00.000-08:002010-02-23T19:35:49.536-08:001 เมื่อมีลมพัดมาประทะกับแผ่นโลหะ ปลายข้างหนึ่งของแผ่นโลหะจะกระดกขึ้นมุมที่แผ่นโลหะทำแนวตั้งนี้จะขึ้นอยู่กับความแรงของลม เครื่องมือนี้คือข้อใด<img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5441644592417396002" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 122px; CURSOR: hand; HEIGHT: 135px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQ5dMx5BgxbTZjI6aAZqUUXXrxL-YO7fUUWymz4OhjFNhZMyKbFqCNYPbbeuM7y9jFztTSdH_uqOdFTkNpsMpPeOZgsxrsNdCvJ4Hff4MNqfOuD_2BC7gyvaApSH8MVFkIvacphKz4r41o/s320/anemo2.jpg" border="0" /><span style="color:#ff0000;"> ก. อะมิโนมิเตอร์ ( Anemometer )</span> ข. บารอมิเตอร์<br /><br /> ค. เทอร์มอมิเตอร์ ง. ไฮโกรมิเตอร์<br /><br />2. ข้อใด ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นลูกศรยาว มีแพนหางตั้งตรง เป็นตัวบังคับให้ปลายศรลมชี้ไปในทิศทางที่ลมพัดเข้ามา โดยที่แกนของศรลมหมุนไปโดยรอบ<br /><br /><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5441645056483626530" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 141px; CURSOR: hand; HEIGHT: 138px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi5w3gNXVFaheneJDYU3h5ecc16mGtTArZx-Dxi5IogVmAsu69O2-4_G9o2AR4dTojCkxr5z0pfVKG9ThAUbYmml_tteQDJujxdC4kXGdv17nGWCmiMgWGYegAm1kltrBl0bqAVg5n8Z5JB/s320/images.jpg" border="0" />ก. อะมิโนมิเตอร์ ( Anemometer )<span style="color:#ff0000;"> ข. ศรลม ( Wind vane )</span><br />ค. เทอร์มอมิเตอร์ ง. ไฮโกรมิเตอร์<br /><br />3.ข้อใด เกิดจากความแตกต่างของความกดอากาศ โดยจะพัดจากบริเวณที่มีความกดอากาศสูงเข้าสู่บริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ ภาพนี้คือ<br /><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5441645546089910834" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 99px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4woIYqPB0DhNgjMbNp4UopiPFQkESGSD2bsgwuph1MifBl9wv12L6vR2HRfFSHOO6kWocb797OLNXLsI6U82uCsNtw7881NM1GVvaytK4TUe0Qh774Fhlq_aFrpKUp8w53I4NJa3ugVZq/s320/valley_mountain.png" border="0" /><br /><p><span style="color:#ff0000;"> ก. ภาพแสดงการเกิดลม </span> ข. ภาพแสดงการลมบกลมทะเล</p><p> ค. ภาพแสดงการวัดความชื้น ง.ภาพแสดงการวัดความกดดัน</p><p>4. ลมข้อใด เกิดขึ้นในตอนกลางวัน เนื่องจากอุณหภูมิของพื้นน้ำที่ได้รับจากดวงอาทิตย์สูงขึ้นช้ากว่าพื้นดิน ทำให้อากาศที่อยู่ใกล้พื้นดินมีอุณหภูมิสูงกว่าอากาศที่อยู่ใกล้พื้นน้ำ </p><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5441646062925412946" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 143px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWhDvLoUIn4Nzq_WC1wUJP9korHeoegbv9jy4cBrRVpdc6_a3MhyphenhyphenJJgH1X2ZaM5vDKoiRu3pKYSJHNohdgNUalKXpKvmn8JJDp322S5qI0YZhhcJc-5y_E3_yh3lcrfb8Hbx7hFSSSWN6R/s320/Land%2520breeze.jpg" border="0" /><br /><br /><p><span style="color:#ff0000;"> ก. ลมทะเล ( Sea breeze ) </span> ข.ลมบก ( Land breeze )</p><p> ค. ลมหุบเขา ง.ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้</p><p>5.จากรูปนี้หมายถึงนักอุตุนิยมวิทยา นิยมใช้ข้อมูลเกี่ยวกับความกดอากาศ ณ ตำแหน่งต่างๆ ที่ระดับน้ำทะเลซึ่งตรวจวัดได้จากสถานีตรวจอากาศต่างๆ บันทึกลงในข้อใดที่แสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของลมที่พัดผ่านส่วนต่างๆ ของโลก</p><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5441646775732977970" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 262px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEii1QjsPHmF5E1BeVkuWiHowgyOaGnHGxxwtzBKGcLn-pbin6IZJtCj6N0m5feOcOY-Ipgq2a6cn5RB5XOHVzMGek3qScpHs1pu8meZwCyNhV8YINiNQgV-22C2no2yNp2S-wvNZ_yl8l2z/s320/G2K-Weather_Map-2008_Oct_27.jpg" border="0" /><br /><p></p><br /><p></p> ก.เส้นไอโซบาร์ ( Isobar ) ข.ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ<br /><span style="color:#ff0000;"> ค. แผนที่อากาศ (Weather map) </span> ง .ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้<br /><p></p><br /><br /><p><br /></p><br /><br /><br /><p></p>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-65215662667498352952010-02-23T19:09:00.000-08:002010-02-23T19:12:39.120-08:00แรงดันอากาศ<br />แรงดันของอากาศหรือ ความดันของอากาศ นั้น ในการพยากรณ์อากาศจะเรียกว่า ความกดอากาศ จะมีอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากอากาศห่อหุ้มโลกอยู่เป็นจำนวนมาก จะมีน้ำหนักกดลงบนผิวโลก บนตัวเรา หรือ บนวัตถุต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาความกดดันของอากาศ มีค่าประมาณ 15 ปอนด์ ต่อ พื้นที่ 1 ตารางนิ้วที่ระดับน้ำทะเล ซึ่งเรียกความกดดันนี้ว่า "ความกดดัน 1 บรรยากาศ" ซึ่งเท่ากับ 760 มิลลิเมตรของปรอทในการวัดความดันอากาศ เรามักวัดเป็นส่วนสูงของน้ำ หรือส่วนสูงของปรอท ทอริเซลลิ (Toricelli) นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียน เป็นคนแรกที่คิดหาความดันของอากาศโดยใช้ ปรอทศึกษาความดันบรรยากาศแล้วนำไปสร้างเครื่องมือวัดความดันบรรยากาศเรียก ว่า "บารอมิเตอร์" (baromiter)บารอมิเตอร์ คือเครื่องมือที่ใช้วัดความดันอากาศ ที่นิยมใช้ ได้แก่1.บารอมิเตอร์แบบปรอท สร้างขึ้นดดยใช้หลักการที่อากาศสามารถดันของเหลวให้เข้าไปในหลอดแก้ว เครื่องมือนี้ ประกอบด้วย หลอยแก้ว ปลายปิดด้านหนึ่งและไล่อากาศออก แล้วคว่ำหลอดแก้วลงในภาชนะที่บรรจุปรอท อากาศภายนอกจะดันปรอทเข้าสู่หลอดแก้ว ที่ระดับน้ำทะเล ลำปรอทในหลอดแก้วจะสูง 760 มิลลิเมตร (ถ้าใช้น้ำ แทนปรอท อากาศจะดันน้ำขึ้นสูง 10 เมตร เพราะน้ำเบากว่า 13.6 เท่า) ความดัน 1 บรรยากาศ คือความดันที่ทำให้ลำปรอทขึ้นสูง 76 เซนติเมตร หรือ 760 มิลลิเมตร2.แอนิรอยด์บารอมิเตอร์ เป็นตลับโลหะ อาจเป็นอลูมิเนียมรูปร่างกลมแบน ผิวเป็นคลื่น ก้นตลับติดกับกรอบโลหะที่แข็งแรง ภายในตลับสูบอากาศออกเกือบหมด ฝาตลับจึงบุบขึ้นลงตามความดันของอากาศภายนอก ตอนบนฝาตลับมีสปริงที่ต่อไปที่คานและเข็มซึ่งชี้บนหน้าปัดที่มีตัวเลขแสดง ความดันของอากาศ3.บารอกราฟ เป็นเครื่องวัดความดันอากาศแบบแอนิรอยด์บารอมิเตอร์ แต่บันทุกความดันอากาศแบบต่อเนื่องกัน โดยแกนที่ขึ้นลงตามการบุบตัวของตลับโลหะ จะดันเข็มชี้ให้ปลายเข็ม เลื่อนขึ้นลงบนกระดาษกราฟ ซึ่งหมุนตลอดเวลา เราจึงสามารถอ่านค่าความกดอากาศในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ บารอมิเตอร์แบบนี้ใช้ในการพยากรณ์อากาศ*ถ้าต้มน้ำในที่สูง จุดเดือดจะลดลงแต่ถ้าต้มในระดับน้ำทะเลจะมีจุดเดือด 100 องศาแอลติมิเตอร์ (พัฒนา มาจากแอนิรอยด์บารอมิเตอร์) เป็นเครื่องวัดระดับความสูง ใช้หลักการแบบแอนิรอยด์ แต่ปรับหน้าปัดให้อ่านระดับความสูงได้ด้วย ใช้สำหรับบอกความสูงของเครื่องบินและติดตัวนักโดดร่ม เพื่อบอกความสูง<br /><br /><br /><a href="http://www.dek-d.com/" target="_blank">[ ค้นหาเว็บบอร์ดทุกโรงเรียน แวะไปล่างสุดโฮมเพจ Dek-D ]</a><br />เขียนโดย ด.ช.ทัศนัย ใยไม้ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-47600930994254818222010-02-23T19:05:00.000-08:002010-02-23T19:08:22.012-08:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcEpEu7IBA_iv5eJ8rVXfrWEGAAw9tGNYHAZPjXP5dPzplBB1geT5Opzco1Zti0g1xvgIqJtIEzoVQhURYDLvMirR0ettcV5raTBN9U7JslSE4-IAp9LtmbmeY3MR4oOrJREJDC32eB-1m/s1600-h/greenhouse_effect.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5441641251290138962" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 295px; CURSOR: hand; HEIGHT: 320px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcEpEu7IBA_iv5eJ8rVXfrWEGAAw9tGNYHAZPjXP5dPzplBB1geT5Opzco1Zti0g1xvgIqJtIEzoVQhURYDLvMirR0ettcV5raTBN9U7JslSE4-IAp9LtmbmeY3MR4oOrJREJDC32eB-1m/s320/greenhouse_effect.gif" border="0" /></a><br /><div><br /><a name="q1">การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ คืออะไร ?</a>การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) คือ การเปลี่ยนแปลงลักษณะอากาศเฉลี่ย (average weather) ในพื้นที่หนึ่ง ลักษณะอากาศเฉลี่ย หมายความรวมถึง ลักษณะทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอากาศ เช่น อุณหภูมิ ฝน ลม เป็นต้น (ดูความหมายของ climate และ weather <a href="http://www.tmd.go.th/info/definitions.html">คลิ๊กที่นี่</a>)ในความหมายตามกรอบของอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ FCCC (Framework Convention on Climate Change) การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อันเป็นผลทางตรง หรือทางอ้อมจากกิจกรรมของมนุษย์ ที่ทำให้องค์ประกอบของบรรยากาศเปลี่ยนแปลงไป นอกเหนือจากความผันแปรตามธรรมชาติแต่ความหมายที่ใช้ในคณะกรรมการระหว่างรัฐบาล ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change) การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเนื่องมาจาก ความผันแปรตามธรรมชาติ หรือกิจกรรมของมนุษย์<a name="q2">มนุษย์มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศได้อย่างไร ?</a>กิจกรรมของมนุษย์ที่มีผลทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง คือ กิจกรรมที่ทำให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) ในบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น เป็นเหตุให้ภาวะเรือนกระจก (Greenhouse Effect) รุนแรงกว่าที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติ และส่งผลให้อุณหภูมิพื้นผิวโลกสูงขึ้น ที่เรียกว่า ภาวะโลกร้อน (Global warming) <a name="q3">ก๊าซเรือนกระจก คืออะไร ?</a>ก๊าซเรือนกระจก คือ ก๊าซที่เป็นองค์ประกอบของบรรยากาศ และมีคุณสมบัติยอมให้รังสีคลื่นสั้นจากดวงอาทิตย์ผ่านทะลุมายังพื้นผิวโลกได้ แต่จะดูดกลืนรังสีคลื่นยาวช่วงอินฟราเรดที่แผ่ออกจากพื้นผิวโลกเอาไว้ ก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ และเป็นผลมาจากกิจกรรมของมนุษย์ ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเธน ไนตรัสออกไซด์ ฯลฯ<a name="q4">ภาวะเรือนกระจก คืออะไร ?</a>ภาวะเรือนกระจก คือ ภาวะที่ชั้นบรรยากาศของโลกกระทำตัวเสมือนกระจก ที่ยอมให้รังสีคลื่นสั้นจากดวงอาทิตย์ผ่านลงมายังพื้นผิวโลกได้ แต่จะดูดกลืนรังสีคลื่นยาวช่วงอินฟราเรดที่แผ่ออกจากพื้นผิวโลกเอาไว้ จากนั้นก็จะคายพลังงานความร้อนให้กระจายอยู่ภายใน บรรยากาศจึงเปรียบเสมือนกระจกที่ปกคลุมผิวโลกให้มีภาวะสมดุลทางอุณหภูมิ และเหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตบนผิวโลก (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ <a href="http://www.tmd.go.th/knowledge/know_greenhouse01.html">www.tmd.go.th/knowledge/know_greenhouse01.html</a>)<a href="http://www.tmd.go.th/info/images/greenhouse_effect.gif"></a><a name="q5">ภาวะโลกร้อน คืออะไร ?</a>ภาวะโลกร้อน หมายถึง ภาวะที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ภาวะโลกร้อนอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของปริมาณฝน ระดับน้ำทะเล และมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อพืช สัตว์ และมนุษย์<a name="q6">โลกกำลังร้อนขึ้นจริงหรือ ?</a>ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1861 (พ.ศ. 2404) อุณหภูมิผิวพื้นเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น และสูงขึ้นประมาณ 0.6 องศาเซลเซียส ในศตวรรษที่ 20 (จากรายงานการประเมินครั้งที่ 3 หรือ Third Assessment Report - TAR ของคณะทำงานกลุ่ม 1 IPCC) จากการวิเคราะห์ข้อมูลในซีกโลกเหนือ ย้อนหลังไป 1,000 ปี พบว่า อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นมากในศตวรรษที่ 20 โดยสูงขึ้นมากที่สุดในทศวรรษที่ 1990 และ ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) เป็นปีที่ร้อนมากที่สุดในรอบ 1,000 ปี<a href="http://www.tmd.go.th/info/images/global_temp.gif"></a><a name="q7">ปริมาณฝนและระดับน้ำทะเลเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ?</a>ในศตวรรษที่ 20 ปริมาณน้ำฟ้า (น้ำฟ้า หมายถึง น้ำที่ตกลงมาจากฟ้าไม่ว่าจะอยู่ในภาวะของเหลวหรือของแข็ง เช่น ฝน หิมะ ลูกเห็บ) บริเวณพื้นแผ่นดินส่วนใหญ่ของซีกโลกเหนือในเขตละติจูดกลางและละติจูดสูง สูงขึ้นโดยเฉลี่ย 5 - 10 % แต่ลดลงประมาณ 3 % ในบริเวณกึ่งเขตร้อน<a href="http://www.tmd.go.th/info/images/trend_rain.jpg"></a>ส่วนระดับน้ำทะเล จากข้อมูลทางธรณีวิทยา ปรากฏว่าเมื่อ 6,000 ปีที่ผ่านมาระดับน้ำทะเลของโลกสูงขึ้นในอัตราเฉลี่ยประมาณ 0.5 มม./ปี และในระยะ 3,000 ปีที่ผ่านมา สูงขึ้นเฉลี่ย 0.1 - 0.2 มม./ปี (IPCC, 2001) แต่จากข้อมูลตรวจวัดในศตวรรษที่ 20 ระดับน้ำทะเลของโลกสูงขึ้นในอัตราเฉลี่ย 1 - 2 มม./ปี<a href="http://www.tmd.go.th/info/images/sea_level.jpg"></a><a name="q8">ประชาคมโลกตอบสนองต่อปัญหานี้อย่างไร ?</a>ในการประชุมภูมิอากาศโลกครั้งแรก (The First World Climate Conference) ซึ่งจัดขึ้นที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 12 - 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 นักวิทยาศาสตร์ได้ตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก การประชุมครั้งนี้เน้นถึงเรื่องผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่มีต่อมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ และเรียกร้องให้รัฐบาลของแต่ละประเทศให้ความสำคัญกับภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงและป้องกันการกระทำของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งจะกลับมามีผลกระทบต่อมนุษย์เอง นอกจากนี้ยังได้วางแผนจัดตั้ง "แผนงานภูมิอากาศโลก" (World Climate Programme หรือ WCP) ภายใต้ความรับผิดชอบขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization หรือ WMO), โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme หรือ UNEP) และ International Council of Science Unions หรือ ICSUหลังจาก พ.ศ. 2522 เป็นต้นมาได้มีการประชุมระหว่างประเทศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอีกหลายครั้ง ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ The Villach Conference ประเทศออสเตรีย (9 - 15 ตุลาคม 2528), The Toronto Conference ประเทศแคนาดา (27 - 30 มิถุนายน พ.ศ.), The Ottawa Conference ประเทศแคนาดา (20 - 22 กุมภาพันธ์ 2532), The Tata Conference นิวเดลฮี ประเทศอินเดีย (21 - 23 กุมภาพันธ์ 2532), The Hague Conference and Declaration ประเทศเนเธอร์แลนด์ (11 มีนาคม 2532), The Noordwijk Ministerial Conference ประเทศเนเธอร์แลนด์ (6 - 7 พฤศจิกายน 2532), The Cairo Compact ประเทศอียิปต์ (ธันวาคม 2532) และ The Bergen Conference ประเทศนอรเวย์ (พฤษภาคม 2533) การประชุมเหล่านี้ช่วยให้ประเทศต่าง ๆ ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศมากขึ้น ผู้เข้าร่วมประชุม รวมทั้งผู้กำหนดนโยบายในหน่วยงานรัฐบาล นักวิทยาศาสตร์และนักสิ่งแวดล้อม ได้พิจารณาประเด็นทั้งด้านวิทยาศาสตร์และนโยบาย และเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกร่วมมือดำเนินการเกี่ยวกับปัญหานี้ปี พ.ศ. 2531 องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก และโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ได้จัดตั้ง คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change หรือ IPCC) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินข้อมูลข่าวสารด้านวิทยาศาสตร์ และเศรษฐกิจ-สังคมที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่ความรู้ความเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ตลอดจนผลกระทบ การปรับตัว และการบรรเทาปัญหาอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศพ.ศ. 2533 IPCC ได้เสนอรายงานการประเมินครั้งที่ 1 (The First Assessment Report) ซึ่งเน้นย้ำปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ รายงานนี้มีผลอย่างมากต่อสาธารณชนและผู้กำหนดนโยบาย และเป็นพื้นฐานในการเจรจาอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในเดือนธันวาคม 2533 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติมีมติให้เริ่มดำเนินการเจรจาข้อตกลง โดยตั้งคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลเพื่อจัดทำร่างอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Intergovernmatal Nogotiating Committee for a Framework Convention on Climate Change หรือ INC/FCCC) ซึ่งได้มีการประชุมทั้งหมด 5 ครั้ง ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2534 - พฤษภาคม 2535 และเนื่องจากเส้นตายที่จะมีการประชุมสุดยอดของโลก (Earth Summit) หรือการประชุมแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (United Nations Conference on Environment and Development หรือ UNCED) ในเดือนมิถุนายน 2535 ผู้เจรจาจาก 150 ประเทศจึงจัดทำร่างอนุสัญญาฯ เสร็จสิ้น และยอมรับที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2535ในการประชุมสุดยอดของโลก เมื่อเดือนมิถุนายน 2535 ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ตัวแทนรัฐบาล 154 รัฐบาล (รวมสหภาพยุโรป) ได้ลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change หรือ UNFCCC) โดยเป้าหมายสูงสุดของ UNFCCC คือ การรักษาระดับปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศให้คงที่อยู่ในระดับที่ไม่มีผลกระทบต่อระบบภูมิอากาศวันที่ 21 มีนาคม 2537 เป็นวันที่อนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอนุสัญญาฯ ระบุว่าให้มีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน หลังจากประเทศที่ 50 ให้สัตยาบันต่อจากนั้นอีก 6 เดือน คือ วันที่ 21 กันยายน 2537 ประเทศพัฒนาแล้วเริ่มเสนอรายงานแห่งชาติ (National Communications) เกี่ยวกับกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ขณะเดียวกัน คณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลฯ (INC) ได้มีการประชุมกันหลายครั้งเพื่อพิจารณาเรื่องการอนุวัติตามอนุสัญญาฯ การจัดการเกี่ยวกับการเงิน การสนับสนุนเงินทุนและเทคโนโลยีแก่ประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งแนวทางการดำเนินงานและสถาบันที่เกี่ยวข้อง ต่อมาคณะกรรมการชุดนี้ค่อย ๆ ลดบทบาทลง และยุบไป (การประชุมครั้งสุดท้าย เดือนกุมภาพันธ์ 2538) และได้ให้ที่ประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาฯ ( The Conference of the Parties หรือ COP) เป็นองค์กรสูงสุดของอนุสัญญาฯ โดย COP มีหน้าที่ติดตามตรวจสอบการอนุวัติตามอนุสัญญาฯ และประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการตัดสินใจสนับสนุนและส่งเสริมการอนุวัติตามอนุสัญญาฯ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง COP มีการประชุมทุกปี จำนวน 9 ครั้ง จนถึง พ.ศ. 2546 ดังนี้COP-1เป็นการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาฯ ครั้งแรก จัดขึ้นที่ เบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม - 7 เมษายน พ.ศ. 2538COP-2จัดขึ้นที่ เจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 8 - 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2539COP-3จัดขึ้นที่ เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 1 - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2540COP-4จัดขึ้นที่ บัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ระหว่างวันที่ 2 - 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541COP-5จัดขึ้นที่ กรุงบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542COP-6จัดขึ้น กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 13 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543COP-7จัดขึ้นที่ มาราเก็ช ประเทศโมรอคโค ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม - 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544COP-8จัดขึ้นที่ นิวเดลฮี ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545COP-9จัดขึ้นที่ มิลาน ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 1 - 12 ธันวาคม พ.ศ. 2546ที่มา <a href="http://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=86">http://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=86</a><br />เขียนโดย ด.ช.ทัศนัย ใยไม้</div>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-32893012094091323202010-02-23T18:59:00.000-08:002010-02-23T19:02:28.716-08:00<div><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5441639890701515250" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 219px; CURSOR: hand; HEIGHT: 125px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1p5t0z6UGuYEaduHCpzEQ2GU7auyczpShhZ-u4ZwblQo9uUggEch5CQsmb0birJvRLEgFwWg0VaPXJScDmkVdpMr5qGHA43iNOeAhjgkXf9-VVvE-arHWQQB7Zq9r_3YVKX2vPkhFtqVa/s320/resize_403__10122006103044.jpg" border="0" /><br />การวัดความเร็วและทิศทางของลม<br />ลม คือการเคลื่อนไหวของอากาศ ถ้าลมแรงก็หมายถึงว่ามวลของอากาศเคลื่อนตัวไปมากและเร็วในอุตุนิยมวิทยา การวัดลมจำต้องวัดทั้งทิศของลมและอัตราหรือความเร็วของลม สำหรับการวัดทิศของลมนั้นเราใช้ศรลม (wind vane) ส่วนการวัดความเร็วของลม เราใช้เครื่องมือที่เรียกว่า "อะนีมอมิเตอร์"(anemometer) ซึ่งมีหลายชนิด แต่ส่วนมากใช้แบบใบพัดหรือกังหัน หรือใช้แบบถ้วยกลมสามใบและมีก้านสามก้านต่อมารวมกันที่แกนกลาง จากแกนกลางจะมีแกนต่อลงมายังเบื้องล่าง เมื่อกังหันหมุนจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้เข็มที่หน้าปัดชี้แสดงความเร็วของลมคล้ายๆ กับหน้าปัดที่บอกความเร็วของรถยนต์การวัดความเร็วและทิศของลม อาจทำได้โดยใช้เครื่องมืออีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "ใบพัดลม" ซึ่งสามารถวัดความเร็วและทิศได้พร้อมกัน ในการวัดความเร็วของลมมีหน่วยที่ใช้กันอยู่หลายหน่วย แล้วแต่ว่าผู้ใช้จะนิยมและสะดวกที่จะใช้หน่วยใด เช่นนอต หรือไมล์ทะเลต่อชั่วโมงกิโลเมตรต่อชั่วโมงไมล์ (บก) ต่อชั่วโมงนอกจากเครื่องวัดลมชนิดดังกล่าวแล้ว ยังมีเครื่องบันทึกความเร็วและทิศของลมอยู่ตลอดเวลาด้วย เครื่องบันทึกลมนี้เรียกว่า อะนีมอกราฟ (anemograph) ซึ่งสามารถบันทึกความเร็วและทิศของลมได้ตามที่เราต้องการ[<a href="http://guru.sanook.com/encyclopedia/à¸à¸²à¸£à¸à¸£à¸§à¸à¸­à¸²à¸à¸²à¸¨/#%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%AF%20%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%202">กลับหัวข้อหลัก</a>]<br />เครื่องวัดทิศทางและความเร็วของลมแบบใบพัด<br /><a href="http://guru.sanook.com/enc_photo.php?pic=18115&pictitle=%E0%A4%C3%D7%E8%CD%A7%C7%D1%B4%B7%D4%C8%B7%D2%A7%E1%C5%D0%A4%C7%D2%C1%E0%C3%E7%C7%A2%CD%A7%C5%C1%E1%BA%BA%E3%BA%BE%D1%B4&id=609&actype=sub" target="_blank"></a><br />[<a href="http://guru.sanook.com/slide_photo.php?pic=&pictitle=%A1%D2%C3%B5%C3%C7%A8%CD%D2%A1%D2%C8&id=609&actype=main" target="_blank">ดูภาพทั้งหมดในเรื่องนี้</a>]<br /><a name="มาตราลมโบฟอร์ต"></a>มาตราลมโบฟอร์ต<br />เมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๘ พลเรือเอก เซอร์ ฟรานซิสโบฟอร์ต (Admiral Sir Francis Beaufort, ค.ศ. ๑๗๗๔-๑๘๕๗, ชาวอังกฤษ) แห่งราชนาวีอังกฤษได้พัฒนามาตราส่วนสำหรับคาดคะเนความเร็วของลมไว้ใช้ในการ เดินเรือใบ เรียกว่า มาตราลมโบฟอร์ต (Beau-fort wind scale) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันทั่วไป และแบ่งกำลังออกเป็น ๑๓ ชั้น คือ ตั้งแต่ ๐ ถึง ๑๒ โดยมีคำบรรยายเครื่องหมายและเปรียบเทียบความเร็วที่มา <a href="http://guru.sanook.com/encyclopedia/à¸à¸²à¸£à¸à¸£à¸§à¸à¸­à¸²à¸à¸²à¸¨/">http://guru.sanook.com/encyclopedia/à¸à¸²à¸£à¸à¸£à¸§à¸à¸­à¸²à¸à¸²à¸¨/</a><br />เขียนโดย ด.ช.ทัศนัย ใยไม้</div>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-43816769608927839702010-02-12T04:52:00.000-08:002010-02-12T04:56:21.673-08:00วัดพระธาตุดอยเวา<br /><br />วัดพระธาตุดอยเวา เป็นวัดอันเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุดอยเวา พระธาตุที่เชื่อกันว่า มีความเก่าแก่เป็นรองพระธาตุดอยตุง พระธาตุดอยเวานั้น ตั้งอยู่บนยอดดอยเวา แต่พระอุโบสถและเขตสังฆาวาสจะอยู่ที่เชิงดอย ผู้ที่จะขึ้นไปนมัสการต้องเดินขึ้นบันไดไปนมัสการ ซึ่งข้างบนเป็นจุดชมทัศนียภาพสองฝั่งสาย สามารถเห็นทัศนียภาพได้รอบทิศ<br /><br />ประวัติพระธาตุดอยเวา<br />พระธาตุดอยเวา สร้างในพ.ศ. 296 ในรัชสมัยพระองค์เวา รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์สิงหนวัติ ผู้ครองนครโยนกนาคพันธุ์ โดยชื่อนั้นได้นำมาจากพระนามของพระองค์เวา ต่อมาพระธาตุเจดีย์ได้พังลงตามกาลเวลา นายบุญยืน ศรีสมุทร คฤหบดีอำเภอแม่สาย ได้ร่วมกับ พระภิกษุดวงแสง รัตนมณี พร้อมด้วย ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา และ กรมศิลปากร ร่วมกันจัดสร้างขึ้นขึ้นใหม่ ในการขุดแต่งครั้งนี้ พบผอบหินสีดำ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 5 พระองค์ จึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานในองค์พระธาตุดังเดิม มีการวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2494 และสร้างเสร็จพร้อมฉลองสมโภชพระธาตุในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 โดยมีพุทธบริษัททั้งสองประเทศ ร่วมงานอย่างคับคั่งทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-48700024368088282582009-10-27T07:03:00.000-07:002009-10-27T07:11:25.489-07:00<a href="http://www.tmd.go.th/index.php"><span style="font-size:130%;">กรมอุตุนิยมวิทยา</span></a><span style="font-size:130%;"><br /></span><a href="http://www.tmd.go.th/index.php">http://www.tmd.go.th/index.php</a><br /><br /><a href="http://www.tmd.go.th/region.php?RegionID=1"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5397281613889632146" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 278px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg00xBh9BGHd5zpajn6a-sdMI6lnnZs9fK9BfZQcsmIxBw2bohLn1bvwBL-xfob1ZaZE5wuKX-lmMaPYE1ldRGM_DpjrLtrs79YCLySwTdq_72e6JQP71MhHaELOirXtNOhbZUibZxSkUEf/s320/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259E1.png" border="0" /></a><br /><a href="http://www.tmd.go.th/region.php?RegionID=1">http://www.tmd.go.th/region.php?RegionID=1</a><a href="http://www.sattmet.tmd.go.th/newversion/mergesat.html"></a><br /><br /><a href="http://www.sattmet.tmd.go.th/newversion/mergesat.html"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5397281397701130466" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 290px; CURSOR: hand; HEIGHT: 320px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbleLYBtLlPqQjkfoCEUswoq53zlAYEUmuPRcEj9XAA4ZgNkf3jqtWTV_pmOICFMrH3dvbuTA2BAuF4NOlyRuf8zoDRytBCCMnKuC26U8jkCsSMAi-lkWEn-7g0KSnHFKQDif8b9gwMd7Q/s320/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259E2.png" border="0" /></a><br /><a href="http://www.sattmet.tmd.go.th/newversion/mergesat.html">http://www.sattmet.tmd.go.th/newversion/mergesat.html</a>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-70857627271117111632009-09-24T05:44:00.000-07:002009-09-24T05:46:23.845-07:00<span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Trebuchet MS', Verdana, Arial, sans-serif; font-size: 13px; color: rgb(51, 51, 51); line-height: 18px; "><div class="widget Blog" id="Blog1" style="margin-top: 0px; width: 484px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; "><div class="blog-posts hfeed"><div class="post hentry" style="margin-top: 0.3em; margin-right: 0px; margin-bottom: 25px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 13px; padding-bottom: 0px; padding-left: 13px; border-top-width: 1px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 0px; border-top-style: dotted; border-right-style: dotted; border-bottom-style: dotted; border-left-style: dotted; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(187, 187, 187); border-left-color: rgb(187, 187, 187); "><div class="post-body entry-content" style="border-top-width: 0px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 1px; border-top-style: dotted; border-right-style: dotted; border-bottom-style: dotted; border-left-style: dotted; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(255, 255, 255); border-left-color: rgb(187, 187, 187); padding-top: 10px; padding-right: 14px; padding-bottom: 1px; padding-left: 29px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0.75em; margin-left: 0px; ">การกรอง<br />การกรอง คือ การแยกสารผสมที่มีสถานะเป็นของแข็งออกจากของเหลว โดยใช้กระดาษกรองซึ่งมีรูพรุนขนาดเล็ก ทำให้อนุภาคของของแข็งนั้นไม่สามารถผ่านกระดาษกรองได้ ส่วนอนุภาคของของเหลวจะผ่านกระดาษกรองได้ ซึ่งในชีวิตประจำวันเราจะคุ้นเคยกับการกรองในรูปของการใช้ผ้าขาวบางในการคั้นน้ำกะทิจากมะพร้าว แผ่นกรองอากาศในเครื่องปรับอากาศ อุปกรณ์กรองน้ำสะอาดในเครื่องกรองน้ำ เป็นต้น<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhY49s8qG_nK8sT1-4MZxyFoRxK2BAdyqibGZ79nMRR6vogSllOAo62AkMyXK1gU0wmAgKinWXw7I1RedbT6ggt43zTUms6QnDyYaRjx1pXkCVGJzPIaYczSpOinfOTMcqUSkc_Z2M_dO23/s1600-h/16-1.JPG" style="color: rgb(102, 102, 102); "><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhY49s8qG_nK8sT1-4MZxyFoRxK2BAdyqibGZ79nMRR6vogSllOAo62AkMyXK1gU0wmAgKinWXw7I1RedbT6ggt43zTUms6QnDyYaRjx1pXkCVGJzPIaYczSpOinfOTMcqUSkc_Z2M_dO23/s320/16-1.JPG" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383490612313830338" style="border-top-style: solid; border-right-style: solid; border-bottom-style: solid; border-left-style: solid; border-width: initial; border-color: initial; border-top-width: 1px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 1px; margin-top: 0px; margin-right: auto; margin-bottom: 10px; margin-left: auto; padding-top: 4px; padding-right: 4px; padding-bottom: 4px; padding-left: 4px; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(187, 187, 187); border-left-color: rgb(187, 187, 187); display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 160px; height: 320px; " /></a><br /><br />การตกตะกอน<br />การตกตะกอน คือ การแยกสารผสมที่เป็นของแข็งที่แขวนลอยอยู่ในของเหลว โดยมีหลักการที่สำคัญ คือ การนำสารผสมตั้งทิ้งไว้ เนื่องจากอนุภาคของแข็งที่แฝงอยู่นั้นมีน้ำหนัก ดังนั้นจึงตกตะกอนอยู่ที่ก้นภาชนะ จากนั้นรินอนุภาคของเหลวด้านบนออกจากอนุภาคของของแข็งจะทำให้ได้สารบริสุทธิ์ทั้งสองส่วน ตัวอย่างของผสมที่ใช้วิธีการแยกสารโดยการตกตะกอน คือ น้ำโคลน ประกอบด้วยส่วนของดินที่แขวนลอยในน้ำ เมื่อตั้งทิ้งไว้นานๆ อนุภาคของดินจะตกตะกอนอยู่ที่ก้นภาชนะ ส่วนน้ำจะใสขึ้นสามารถรินแยกออกจากกันได้<br />เพื่อเป็นการลดเวลาในการตกตะกอนของสารแขวนลอย นักวิทยาศาสตร์จึงได้คิดค้นเครื่องเหวี่ยง (centrifuge) แรงเหวี่ยงดังกล่าวจะทำให้ของแข็งที่แขวนลอยในของเหลวตกตะกอนได้ง่ายและเร็วขึ้น<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhjJc739ROyAXgNSRTPIdHOjYu2DfdGELUm8xNal7hvKMZ5P4TW79pUkQb5auTU1v7bCqtehgXdhQzg2KFQleRJves_k_rNUo4O6Z9LRmHACr81FuA96iRgrKObSS5jpWN0E-ae1K7sTdmC/s1600-h/16-2.JPG" style="color: rgb(102, 102, 102); "><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhjJc739ROyAXgNSRTPIdHOjYu2DfdGELUm8xNal7hvKMZ5P4TW79pUkQb5auTU1v7bCqtehgXdhQzg2KFQleRJves_k_rNUo4O6Z9LRmHACr81FuA96iRgrKObSS5jpWN0E-ae1K7sTdmC/s320/16-2.JPG" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383491242866074706" style="border-top-style: solid; border-right-style: solid; border-bottom-style: solid; border-left-style: solid; border-width: initial; border-color: initial; border-top-width: 1px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 1px; margin-top: 0px; margin-right: auto; margin-bottom: 10px; margin-left: auto; padding-top: 4px; padding-right: 4px; padding-bottom: 4px; padding-left: 4px; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(187, 187, 187); border-left-color: rgb(187, 187, 187); display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 305px; height: 250px; " /></a><br />รูปแสดงเครื่องเหวี่ยงที่ใช้ในการตกตะกอน<div style="clear: both; "></div></div><div class="post-footer" style="background-image: initial; background-repeat: initial; background-attachment: initial; -webkit-background-clip: initial; -webkit-background-origin: initial; background-color: rgb(221, 238, 221); margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 2px; padding-right: 14px; padding-bottom: 2px; padding-left: 29px; border-top-width: 1px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 1px; border-top-style: dotted; border-right-style: dotted; border-bottom-style: dotted; border-left-style: dotted; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: transparent; border-left-color: rgb(187, 187, 187); font-size: 13px; line-height: 1.5em; color: rgb(102, 102, 102); background-position: initial initial; "><div class="post-footer-line post-footer-line-1" style="min-height: 1.5em; "><br /><br /><span class="post-icons"><span class="item-control blog-admin pid-2102389483" style="display: inline; "></span></span></div><div class="post-footer-line post-footer-line-2"></div><div class="post-footer-line post-footer-line-3"></div></div></div><div class="post hentry" style="margin-top: 0.3em; margin-right: 0px; margin-bottom: 25px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 13px; padding-bottom: 0px; padding-left: 13px; border-top-width: 1px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 0px; border-top-style: dotted; border-right-style: dotted; border-bottom-style: dotted; border-left-style: dotted; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(187, 187, 187); border-left-color: rgb(187, 187, 187); "><a name="5428921098054201130"></a><h3 class="post-title entry-title" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; line-height: 1.5em; background-image: url(http://www2.blogblog.com/rounders/icon_arrow.gif); background-repeat: no-repeat; background-attachment: initial; -webkit-background-clip: initial; -webkit-background-origin: initial; background-color: initial; display: block; border-top-width: 0px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 1px; border-top-style: dotted; border-right-style: dotted; border-bottom-style: dotted; border-left-style: dotted; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(187, 187, 187); border-left-color: rgb(187, 187, 187); padding-top: 2px; padding-right: 14px; padding-bottom: 2px; padding-left: 29px; color: rgb(51, 51, 51); font: normal normal bold 135%/normal 'Trebuchet MS', Verdana, Arial, sans-serif; background-position: 10px 0.5em; "><a href="http://airphy.blogspot.com/2009_09_01_archive.html#5428921098054201130" style="color: rgb(51, 51, 51); text-decoration: none; ">การตกผลึก</a></h3><div class="post-header-line-1"></div><div class="post-body entry-content" style="border-top-width: 0px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 1px; border-top-style: dotted; border-right-style: dotted; border-bottom-style: dotted; border-left-style: dotted; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(255, 255, 255); border-left-color: rgb(187, 187, 187); padding-top: 10px; padding-right: 14px; padding-bottom: 1px; padding-left: 29px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0.75em; margin-left: 0px; "><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEifSvfbXKSzPPOARu7EIFjLVJsPLIMzx36rS0W1SU3Rvlx6QGgHl3d8O7nQhVaF6SHXS07rrADzeWF8MYKlmqXHzrqpoz2itNrB6xIyXQvJ0LRhuQ1X6Lk2RWARuL_eyLy2Z1rX2VQDIzfS/s1600-h/16-5.JPG" style="color: rgb(102, 102, 102); "><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEifSvfbXKSzPPOARu7EIFjLVJsPLIMzx36rS0W1SU3Rvlx6QGgHl3d8O7nQhVaF6SHXS07rrADzeWF8MYKlmqXHzrqpoz2itNrB6xIyXQvJ0LRhuQ1X6Lk2RWARuL_eyLy2Z1rX2VQDIzfS/s320/16-5.JPG" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383489358539144002" style="border-top-style: solid; border-right-style: solid; border-bottom-style: solid; border-left-style: solid; border-width: initial; border-color: initial; border-top-width: 1px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 1px; margin-top: 0px; margin-right: auto; margin-bottom: 10px; margin-left: auto; padding-top: 4px; padding-right: 4px; padding-bottom: 4px; padding-left: 4px; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(187, 187, 187); border-left-color: rgb(187, 187, 187); display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 289px; height: 274px; " /></a><br />การตกผลึก<br />การตกผลึก คือ การแยกของผสมที่เป็นของแข็งที่มีสมบัติการละลายในตัวทำละลายต่างกันและได้ไม่เท่ากันทุกอุณหภูมิ มีหลักการ คือ เมื่อนำของผสมละลายในตัวทำละลายต้มสารละลายนั้นจนละลายหมด แล้วทิ้งให้อุณหภูมิลดลง สารที่ละลายน้อยกว่าจะอิ่มตัวแล้วตกผลึกแยกออกมาก่อน เช่น น้ำตาลกับเกลือซิลเวอร์ไนเตรตกับโพแทสเซียมไนเตรต การแยกเกลือโซเดียมคลอไรด์ออกจากน้ำทะเล<br /><br />รูปแสดงตัวอย่างผลึกบางชนิด<br />การสกัดด้วยตัวทำละลาย<br />การสกัดด้วยตัวทำละลาย คือ การแยกสารโดยอาศัยสมบัติการละลายของสารในตัวทำละลาย ต้องคำนึงถึงตัวทำละลายที่เหมาะสมเพื่อให้ได้สารที่ต้องการในปริมาณมาก มีหลักการดังนี้<br />- เลือกตัวทำละลายที่เหมาะสมเพื่อสกัดให้ได้สารที่ต้องการออกมามากและต้องมีสิ่งเจือปนติดน้อยที่สุด และไม่ทำปฏิกิริยากับสารที่ต้องการสกัด<br />- กรณีที่ต้องแยกสารผสมที่มีองค์ประกอบปนกันหลายชนิด ต้องเลือกตัวทำละลายที่ละลายสารใดสารหนึ่งได้มากและอีกสารได้น้อยมาก เพื่อให้เจือปนกันน้อยที่สุด<br />- แยกสารที่ไม่ต้องการออกไป โดยกระบวนการแยกสารต่างๆ เช่น การกรอง เป็นต้น<br />- แยกสารที่ต้องการออกจากตัวทำละลาย<br />ซึ่งวิธีการนี้จะนิยมใช้สกัดสีจากธรรมชาติ สมุนไพร สกัดน้ำมันหอมระเหย เป็นวิธีการที่ประหยัดและปลอดภัย<div style="clear: both; "></div></div><div class="post-footer" style="background-image: initial; background-repeat: initial; background-attachment: initial; -webkit-background-clip: initial; -webkit-background-origin: initial; background-color: rgb(221, 238, 221); margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 2px; padding-right: 14px; padding-bottom: 2px; padding-left: 29px; border-top-width: 1px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 1px; border-top-style: dotted; border-right-style: dotted; border-bottom-style: dotted; border-left-style: dotted; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: transparent; border-left-color: rgb(187, 187, 187); font-size: 13px; line-height: 1.5em; color: rgb(102, 102, 102); background-position: initial initial; "><div class="post-footer-line post-footer-line-1" style="min-height: 1.5em; "><span class="post-author vcard">เขียนโดย <span class="fn">ครูจำเริญ สุวรรณประสิทธิ์</span> </span><span class="post-comment-link"><a class="comment-link" href="https://www.blogger.com/comment.g?blogID=5263615350895530168&postID=5428921098054201130" onclick="" style="color: rgb(34, 85, 136); background-image: url(http://www.blogblog.com/rounders/icon_comment_left.gif); background-repeat: no-repeat; background-attachment: initial; -webkit-background-clip: initial; -webkit-background-origin: initial; background-color: initial; padding-left: 14px; background-position: 0% 45%; ">0 ความคิดเห็น</a> </span><span class="post-icons"><span class="item-control blog-admin pid-2102389483" style="display: inline; "><a href="http://www.blogger.com/post-edit.g?blogID=5263615350895530168&postID=5428921098054201130" title="แก้ไขบทความ" style="text-decoration: none !important; color: rgb(34, 85, 136); "><img alt="" class="icon-action" height="18" src="http://www.blogger.com/img/icon18_edit_allbkg.gif" width="18" style="border-top-style: solid; border-right-style: solid; border-bottom-style: solid; border-left-style: solid; border-width: initial; border-color: initial; border-top-width: 1px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 1px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 5px; margin-left: 0px; padding-top: 4px; padding-right: 4px; padding-bottom: 4px; padding-left: 4px; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(187, 187, 187); border-left-color: rgb(187, 187, 187); " /></a></span></span></div><div class="post-footer-line post-footer-line-2"></div><div class="post-footer-line post-footer-line-3"></div></div></div><div class="post hentry" style="margin-top: 0.3em; margin-right: 0px; margin-bottom: 25px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 13px; padding-bottom: 0px; padding-left: 13px; border-top-width: 1px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 0px; border-top-style: dotted; border-right-style: dotted; border-bottom-style: dotted; border-left-style: dotted; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(187, 187, 187); border-left-color: rgb(187, 187, 187); "><a name="443402949504892535"></a><div class="post-header-line-1"></div><div class="post-body entry-content" style="border-top-width: 0px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 1px; border-top-style: dotted; border-right-style: dotted; border-bottom-style: dotted; border-left-style: dotted; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(255, 255, 255); border-left-color: rgb(187, 187, 187); padding-top: 10px; padding-right: 14px; padding-bottom: 1px; padding-left: 29px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0.75em; margin-left: 0px; "><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOpt22o1yUzQ-Br5hIj27NNLFPQbcX1cuk0_-Q_GwTihqYhHJ5Jngr7rhBSn4RGN5F74CxAKDNs4TENc7YKm_GOnQ9qrILtyAn1jQhbr1uRgldlmwRH2yy9ohKFhj-45wxWlGmkNcZ47bh/s1600-h/lesson3_data3_057.jpg" style="color: rgb(34, 85, 136); "><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOpt22o1yUzQ-Br5hIj27NNLFPQbcX1cuk0_-Q_GwTihqYhHJ5Jngr7rhBSn4RGN5F74CxAKDNs4TENc7YKm_GOnQ9qrILtyAn1jQhbr1uRgldlmwRH2yy9ohKFhj-45wxWlGmkNcZ47bh/s320/lesson3_data3_057.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383488657362784322" style="border-top-style: solid; border-right-style: solid; border-bottom-style: solid; border-left-style: solid; border-width: initial; border-color: initial; border-top-width: 1px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 1px; margin-top: 0px; margin-right: auto; margin-bottom: 10px; margin-left: auto; padding-top: 4px; padding-right: 4px; padding-bottom: 4px; padding-left: 4px; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: rgb(187, 187, 187); border-left-color: rgb(187, 187, 187); display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 257px; height: 320px; " /></a><br />รูปแสดงผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นลำดับส่วนของน้ำมันดิบ<br />2. การกลั่นลำดับส่วน ใช้แยกสารละลายที่มีสถานะเป็นของเหลว เนื่องจากองค์ประกอบมีสถานะเหมือนกัน ทำให้จุดเดือดต่างกันไม่มาก ดังนั้นจึงไม่สามารถทำสารให้บริสุทธิ์ด้วยกระบวนการกลั่นธรรมดาได้ เพราะจะได้สารที่กลั่นออกมาไม่บริสุทธิ์อธิบายได้ดังนี้ สารที่ระเหยก่อนยังเป็นไอไม่สมบรูณ์ สารอีกชนิด ก็ระเหยกลายเป็นไอตามมา เมื่อผ่านไปยังเครื่องควบแน่น จะกลั่นตัวได้สารทั้งสองชนิดออกมาจึงเป็นการแยกสารที่ไม่สมบรูณ์ โดยมีหลักการ คือ สามารถแยกสารละลายที่จุดเดือดต่างกันเล็กน้อย และสารที่มีจุดเดือดต่ำจะกลั่นตัวออกมาก่อน เช่น การแยกน้ำออกจากแอลกอฮอล์ (น้ำมีจุดเดือด 100 องศาเซลเซียส แอลกอฮอล์มีจุดเดือด 78.5 องศาเซลเซียส) เมื่อนำสารละลายมากลั่น แอลกอฮอล์จะระเหยกลายเป็นไอก่อน ขณะเดือดนอกจากเกิดไอของแอลกอฮอล์แล้วยังมีไอน้ำระเหยตามมาด้วย เมื่อไอลอยขึ้นสู่คอลัมน์แก้วที่อุณหภูมิต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้ไอน้ำควบแน่นกลับสู่ขวดกลั่น ส่วนไอของแอลกอฮอล์จะผ่านไปได้และไปกลั่นตัวที่เครื่องควบแน่น ซึ่งมีความบริสุทธิ์ของแอลกอฮอล์เกือบสมบูรณ์<br /><br />รูปแสดงการกลั่นลำดับส่วน<br />นอกจากนี้ การกลั่นลำดับส่วนยังเป็นการนำสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีคุณค่าในน้ำมันดิบออกมาใช้ประโยชน์ได้ด้วยกระบวนการนี้<div style="clear: both; "></div></div><div class="post-footer" style="background-image: initial; background-repeat: initial; background-attachment: initial; -webkit-background-clip: initial; -webkit-background-origin: initial; background-color: rgb(221, 238, 221); margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 2px; padding-right: 14px; padding-bottom: 2px; padding-left: 29px; border-top-width: 1px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 1px; border-top-style: dotted; border-right-style: dotted; border-bottom-style: dotted; border-left-style: dotted; border-top-color: rgb(187, 187, 187); border-right-color: rgb(187, 187, 187); border-bottom-color: transparent; border-left-color: rgb(187, 187, 187); font-size: 13px; line-height: 1.5em; color: rgb(102, 102, 102); background-position: initial initial; "><div class="post-footer-line post-footer-line-1" style="min-height: 1.5em; "><br /><br /><span class="post-icons"><span class="item-control blog-admin pid-2102389483" style="display: inline; "></span></span></div><div class="post-footer-line post-footer-line-2"></div><div class="post-footer-line post-footer-line-3"></div></div></div></div><div class="blog-pager" id="blog-pager" style="text-align: center; "><span id="blog-pager-older-link" style="float: right; margin-right: 13px; "><a class="blog-pager-older-link" href="http://airphy.blogspot.com/search?updated-max=2009-09-20T17%3A04%3A00%2B07%3A00&max-results=3" id="Blog1_blog-pager-older-link" title="บทความที่เก่ากว่า" style="color: rgb(34, 85, 136); ">บทความที่เก่ากว่า</a></span></div><div class="clear" style="clear: both; "></div><div class="blog-feeds"><div class="feed-links" style="clear: both; line-height: 2.5em; margin-left: 13px; ">สมัครสมาชิก: <a class="feed-link" href="http://airphy.blogspot.com/feeds/posts/default" target="_blank" type="application/atom+xml" style="color: rgb(34, 85, 136); ">บทความ (Atom)</a></div></div></div><div class="widget Image" id="Image8" style="margin-top: 4px; width: 468px; padding-top: 0px; padding-right: 13px; padding-bottom: 0px; padding-left: 13px; "><div class="widget-content" style="margin-top: 0.5em; "><img alt="" height="599" id="Image8_img" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8QZejBtmvoQ3bcazAmYOLyma5055NYdKXqBGIke0GD5jnM2UhkMHBzahJ2U2znvpBHWC537TvblKNnprmZTMvwyJGe9Cw11h96_fS9ryeQJuHPVqLg4TwauKsq_W3rLb-7FTscNczHLMD/s660/520904_tkk_005.jpg" width="400" /></div></div></span>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-61051285331936090882009-09-15T18:53:00.000-07:002009-09-15T18:54:56.549-07:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVt_YgNdb9sJXyaybDb0G4ud2Vxf7AZ2GTJNvvext_eYyXr71bY8hrKgB7Ikh4XdVjXiQNEPA8fi3TniYs02NIqJ-6RvTHkJj1UcqdGVaL2Mxwm6Mk6VpbGMWMeY3DMkOLHa5HfHwfxodj/s1600-h/images.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381877737197430818" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 133px; CURSOR: hand; HEIGHT: 99px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVt_YgNdb9sJXyaybDb0G4ud2Vxf7AZ2GTJNvvext_eYyXr71bY8hrKgB7Ikh4XdVjXiQNEPA8fi3TniYs02NIqJ-6RvTHkJj1UcqdGVaL2Mxwm6Mk6VpbGMWMeY3DMkOLHa5HfHwfxodj/s320/images.jpg" border="0" /></a><br /><div></div><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;"></span></div><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;"></span></div><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;"></span></div><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;"></span></div><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;color:#33ff33;">ผลไม้สมุนไพร มะม่วงหาว มะนาวโห่ ช่วยรักษาโรคเป็นผลไม้สมุนไพร ช่วยซ่อมร่างกาย รับประทานสด ๆ วันละ 5-7 ลูก สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคปอด หัวใจ มะเร็ง ถุงลมโป่งพอง เบาหวาน ไต เก๊าท์ ไทรอยด์ ช่วยขยายหลอดเลือด เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง มีหลายท่านว่ากันว่าอาการป่วยโรคดังกล่าว จะดีขึ้นเรื่อย ๆ และสุขภาพดีขึ้นมาก ๆ เทศบาลตำบลบางนกแขวก ช่วยเผยแพร่ให้ทุกท่านได้ทราบ รับประทานดูซิครับ</span></div>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-86177748883223158232009-09-14T22:29:00.000-07:002009-09-14T22:33:29.649-07:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixdppV8Ag-cVhyzmuwgFXkzvhU-4pkfSg4ijc8qKO8wPeJxioczSOR_sit97ph77RvMTSgCVg0tK9nAFH9AIVzwyMhpDQxYj3qd8BdW2X4n01D0HpaN76X4UoDQVd87JnaeXf_eqJtg9E8/s1600-h/n126711735046_4677.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381562842038121458" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 125px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixdppV8Ag-cVhyzmuwgFXkzvhU-4pkfSg4ijc8qKO8wPeJxioczSOR_sit97ph77RvMTSgCVg0tK9nAFH9AIVzwyMhpDQxYj3qd8BdW2X4n01D0HpaN76X4UoDQVd87JnaeXf_eqJtg9E8/s320/n126711735046_4677.jpg" border="0" /></a><br /><div> </div><div> </div><div> </div><div> </div><div> </div><div> </div><div> </div><div> </div><div><span style="font-family:verdana;">นายกฯชวนคนไทยร่วมกิจกรรม 9 ในดวงใจ 9 ก.ย.นี้6/9/2552นายกรัฐมนตรี เชิญชวนคนไทยร่วมกิจกรรม 9 ในดวงใจ เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 09 เวลา 9.09 นาทีในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์วันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สวมเสื้อยืดคอปก ปักหน้าอก 9 ในดวงใจ เพื่อรณรงค์ในโครงการนี้ โดยขอให้ประชาชนและทุกหน่วยงานร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีในวันพุธที่ 9 กันยายนนี้ เวลา 9 นาฬิกา 9 นาที ซึ่งถือเป็นเลขมงคล 9/09/09/ 9.09 น.<br />ที่มา</span><a href="http://www.krobkruakao.com/kkn/?a=news&s=detail&news_id=8177"><span style="font-family:verdana;">http://www.krobkruakao.com/kkn/?a=news&s=detail&news_id=8177</span></a></div><div> </div>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-23555431592401628252009-09-01T07:13:00.000-07:002009-09-01T07:15:44.871-07:00การจำแนกสารรอบตัว<br />1. ถ้าใช้สถานะของสารเป็นเกณฑ์ สามารถจัดกลุ่มได้ 3 กลุ่มดังนี้<br />1.1 สารที่มีสถานะเป็นของแข็ง<br />1.2 สารที่มีสถานะเป็นของเหลว<br />1.3 สารที่มีสถานะเป็นก๊าซ<br />2. ถ้าใช้สารเป็นเกณฑ์ สามารถจัดได้ 2 กลุ่มคือ สารเนื้อเดียวสารเนื้อ และประสม<br />2.1 สารเนื้อเดียว หมายถึง สารชนิดเดียวหรือสาร 2 ชนิดผสมกันอยู่อย่างกลมกลืนกัน<br />2.2 สารเนื้อผสม หมายถึง สารตั้งแต่ 2 ชนิดผสมกันแต่เนื้อสารไม่กลมกลืนกัน<br /><br />สารละลาย<br />สารละลาย หมายถึง สารที่ไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่ 2 ชนิดมารวมกัน แล้วเกิดละลายเป็นเนื้อเดียวกัน สารละลาย มี 3 ชนิดคือ ของแข็ง ของเหลว และก๊าซสารละลายเข้มข้น หมายถึง สารละลายที่มีปริมาณตัวถูกทำลายมากสารละลายเจือจาง หมายถึง สารละลายที่มีปริมาณตัวถูกทำลายน้อยสารละลายอิ่มตัว หมายถึง สารละลายที่ไม่สามารถละลายตัวถูกละลายได้อีกสารละลายอิ่มตัวยวดยิ่ง หมายถึง สารละลายที่มีตัวถูกละลายอยู่ในปริมาณที่เกินกว่าอัตราที่ละลาย ได้ที่อุณหภูมิห้อง<br /><br />สารบริสุทธิ์<br />สารบริสุทธิ์ หมายถึง สารเนื้อเดียวที่มีองค์ประกอบเพียงชนิดเดียว จึงมีสมบัติเหมือนกันตลอด สารที่ใช้ในบ้าน1.สารที่เป็นกรด หมายถึง สารที่สามารถเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีน้ำเงินเปลี่ยนเป็นสีแดงแต่ไม่เปลี่ยน สีกระดาษลิตมัสสีแดง2.สารที่เป็นเบส หมายถึง สารที่สามารถเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีแดงเป็นสีน้ำเงินแต่ไม่เปลี่ยนสีกระดาษ ลิตมัสสีน้ำเงิน3.สารที่เป็นกลาง หมายถึง สารที่ไม่สามารถเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสทั้ง 2 สี<br />ที่มา<a href="http://www.geocities.com/sci123th/m3.html">http://www.geocities.com/sci123th/m3.html</a>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-62121538832496959272009-09-01T07:09:00.001-07:002009-09-01T07:12:28.610-07:00<img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5376501009687584258" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 219px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEifmovCz7qVhOTUotlRCb12oJha4cKf00d5k6NJEedPSSZoenk9m1tgkhWTldJa6OsUh85xHdh98LcsVf3mFaYPlHSNjL0e1jt7iRFrBCvwnVY8QC68DyEIZXhOfTlb5V5c0lQzSZPtzyon/s320/periodic-table.gif" border="0" /><br /><div>ที่มา<a href="http://www.google.co.th/imgres?imgurl=http://www.corrosionsource.com/handbook/periodic/periodic_table.gif&imgrefurl=http://blog.hunsa.com/piyanunthancha/cat/14801&h=480&w=580&sz=19&tbnid=G4wY8RtD2Q3AMM:&tbnh=111&tbnw=134&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B8&hl=th&usg=___JmxKLQmszAiPp10-mNzkXgAQxI=&ei=z0acSoiAEYuNkAWjzcG3Dw&sa=X&oi=image_result&resnum=6&ct=image">http://www.google.co.th/imgres?imgurl=http://www.corrosionsource.com/handbook/periodic/periodic_table.gif&imgrefurl=http://blog.hunsa.com/piyanunthancha/cat/14801&h=480&w=580&sz=19&tbnid=G4wY8RtD2Q3AMM:&tbnh=111&tbnw=134&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B8&hl=th&usg=___JmxKLQmszAiPp10-mNzkXgAQxI=&ei=z0acSoiAEYuNkAWjzcG3Dw&sa=X&oi=image_result&resnum=6&ct=image</a></div><div></div><div> </div><div>จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี<a class="image" title="ดมีตรี เมนเดเลเยฟ บิดาแห่งตารางธาตุ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ไฟล์:Medeleeff_by_repin.jpg"></a><a class="internal" title="ขยาย" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ไฟล์:Medeleeff_by_repin.jpg"></a></div><div> </div><div>ดมีตรี เมนเดเลเยฟ บิดาแห่งตารางธาตุตารางธาตุ คือ <a title="ตาราง" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ตาราง">ตาราง</a>ที่ใช้แสดง<a title="ธาตุเคมี" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ธาตุเคมี">ธาตุเคมี</a> คิดค้นขึ้นโดยนักเคมีชาวรัสเซีย <a title="ดมีตรี เมนเดเลเยฟ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ดมีตรี_เมนเดเลเยฟ">ดมีตรี เมนเดเลเยฟ</a> ในปี <a title="พ.ศ. 2412" href="http://th.wikipedia.org/wiki/พ.ศ._2412">พ.ศ. 2412</a><a href="http://th.wikipedia.org/wiki/ตารางธาตุ#cite_note-0">[1]</a> จากการสังเกตว่าเมื่อนำธาตุต่างๆมาเรียงตัวลำดับเลขอะตอม คุณสมบัติต่าง ๆ ของธาตุที่นำมาเรียงนั้นจะมีลักษณะคล้ายกันเป็นช่วง ๆ ซึ่งในปัจจุบันตารางธาตุได้เป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนวิชา<a title="เคมี" href="http://th.wikipedia.org/wiki/เคมี">เคมี</a>ด้วย</div><div> </div><div></div><div>เริ่มต้นจาก <a class="new" title="จอห์น นิวแลนด์ส (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%99_%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%AA&action=edit&redlink=1">จอห์น นิวแลนด์ส</a> ได้พยายามเรียงธาตุตาม<a title="มวลอะตอม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/มวลอะตอม">มวลอะตอม</a> แต่เขากลับทำให้ธาตุที่มีสมบัติต่างกันมาอยู่ในหมู่เดียวกัน <a title="นักเคมี" href="http://th.wikipedia.org/wiki/นัà¸à¹€à¸„มี">นักเคมี</a>ส่วนมากจึงไม่ยอมรับตารางธาตุของนิวแลนด์ส ต่อมา <a title="ดมีตรี เมนเดเลเยฟ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ดมีตรี_เมนเดเลเยฟ">ดมีตรี เมนเดเลเยฟ</a> จึงได้พัฒนาโดยพยายามเรียงให้ธาตุที่มีสมบัติเหมือนกันอยู่ในหมู่เดียวกัน และเว้นช่องว่างไว้สำหรับธาตุที่ยังไม่ค้นพบ พร้อมกันนั้นเขายังได้ทำนายสมบัติของธาตุใหม่ไว้ด้วย โดยใช้คำว่า เอคา (Eka) นำหน้าชื่อธาตุที่อยู่ด้านบนของธาตุที่ยังว่างอยู่นั้น เช่น <a class="mw-redirect" title="เอคา-อะลูมิเนียม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/เอคา-อะลูมิเนียม">เอคา-อะลูมิเนียม</a> (ต่อมาคือธาตุ<a title="แกลเลียม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¹à¸à¸¥à¹€à¸¥à¸µà¸¢à¸¡">แกลเลียม</a>) <a class="mw-redirect" title="เอคา-ซิลิคอน" href="http://th.wikipedia.org/wiki/เอคา-ซิลิคอน">เอคา-ซิลิคอน</a> (ต่อมาคือธาตุ<a title="เจอร์เมเนียม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/เจอร์เมเนียม">เจอร์เมเนียม</a>) แต่นักเคมีบางคนในยุคนั้นยังไม่แน่ใจ เนื่องจากว่าเขาได้สลับที่ธาตุบางธาตุโดยเอาธาตุที่มี<a title="มวลอะตอม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/มวลอะตอม">มวลอะตอม</a>มากกว่ามาไว้หน้าธาตุที่มีมวลอะตอมน้อยกว่า ดมีตรีได้อธิบายว่า เขาต้องการให้ธาตุที่มีสมบัติเดียวกันอยู่ในหมู่เดียวกัน เมื่อดมีตรีสามารถทำนายสมบัติของธาตุได้อย่างแม่นยำ และตารางธาตุของเขาไม่มีข้อน่าสงสัย ตารางธาตุของดมีตรีก็ได้รับความนิยมจากนักเคมีในสมัยนั้นเป็นต้นมา</div><div>ที่มา<a href="http://th.wikipedia.org/wiki/ตารางธาตุ">th.wikipedia.org/wiki/ตารางธาตุ </a></div>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-12679694799755777042009-08-28T05:38:00.000-07:002009-08-28T05:47:06.995-07:00<div><div><div><div><div><a href="http://airphy.blogspot.com/2009_08_01_archive.html#3550577733549172090">การทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มฮิโระชิมะและนะงะซะกิ</a><br /></div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiHKwZmPq_Y8v82T3oPz_F_qE25HCXGnQhscJxVgR_yd-xfL2A-jrdWHdbc75geKS9CnjEKJeaVAG-yTtFx-4WiIfdx8iqEcrTRNziv0dDEk_UE-m9KULfhT1DRsov7kVMreExg3RrX-C8W/s1600-h/180px-Fat_man.jpg"></a><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5374994146449982386" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 180px; CURSOR: hand; HEIGHT: 119px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQV8ETECshWQ4WWUdf6yt2szULH61QaqzJkqSH6uPQETaGiAV0OdmXJWMaqI_hOI6Y7BBUwGUpdFHtGayZUC9dEtN9pxLucL2vppzrzL1zCVP3YP4BaaXd9kV0dZtWw6WjawZ8hhoIs0E0/s320/180px-Fat_man%5B1%5D.jpg" border="0" />แบบจำลองของแฟตแมน หลังสงคราม<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgrHfELRpyU6btizRuJs9w8s3dylLZAGVXqts3Rn9NrlKAuStKwkiYJTXlUaGYU9Jlvwf0cbBwQTfC494meaj0xQt9vYrHCNGLhFZ0VZ2exoiNKSKe7MEFWyxpv0zmdbEO1EhyOz5k8_F9f/s1600-h/250px-Little_boy.jpg"></a></div><div><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5374994391561525922" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 250px; CURSOR: hand; HEIGHT: 164px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiTBYAa9idncTQCrOYAmNldiUUHpGv-CVaeUcws_cV1WkYVe3u3-VDgoeALkni1TBHcqSeSrxIsTobf5D0__C0v31ZdXU7E5LbPRrEkWVme4ArS-SZlD_7JltL9uesfXGM4yrG1tXhkbmzO/s320/250px-Little_boy%5B1%5D.jpg" border="0" />แบบจำลองระเบิดลิตเติลบอยหลังจากระเบิดจริงถูกนำไปทิ้งที่เมืองฮิโรชิมา</div><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvtQT6vVX2xlnnG6lJbW6Py3fhS12v65SCR7ipY2yNalDVwB4aP2SjMYrDVlGVfnNCmgcncaHzQ0zRJO3yfp9om9SVNeVPic5Ejg6bVei8STVWjeKyyRpRBa4Gf6tQLuN-q0HWTqZHfa6A/s1600-h/215px-Atomic_cloud_over_Hiroshima.jpg"></a><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5374994271015872866" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 215px; CURSOR: hand; HEIGHT: 253px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCNhDIaTdoShcxqr6wXhwnEE8Ebq0UwqMoENPq9vTlC1YUyFhckYhCaDyfhpdeA46dxyJ_8Ru8y3HxpISwFwEaH3bxMCT4pTXcDHTgrmD8ZTvj4SBv9yMwynL9g59NLEzh2AAk9XGG2eSH/s320/215px-Atomic_cloud_over_Hiroshima%5B1%5D.jpg" border="0" />เมฆรูปดอกเห็ดเหนือเมือง<a class="mw-redirect" title="ฮิโรชิมา" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ฮิโรชิมา">ฮิโรชิมา</a>หลังการทิ้งระเบิด "ลิตเติลบอย"ลิตเติลบอย (ภาษาอังกฤษ: Little Boy) เป็นชื่อรหัสของ<a class="mw-redirect" title="ระเบิดปรมาณู" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ระเบิดปรมาณู">ระเบิดปรมาณู</a> ที่ถูกนำไปทิ้งเหนือเมือง<a class="mw-redirect" title="ฮิโรชิมา" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ฮิโรชิมา">ฮิโรชิมา</a> ของ<a title="ประเทศญี่ปุ่น" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศà¸à¸µà¹ˆà¸›à¸¸à¹ˆà¸™">ประเทศญี่ปุ่น</a> เมื่อวันที่ <a title="6 สิงหาคม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/6_สิงหาคม">6 สิงหาคม</a> <a title="พ.ศ. 2488" href="http://th.wikipedia.org/wiki/พ.ศ._2488">พ.ศ. 2488</a> โดยเครื่องบิน B-29 Superfortress (เครื่องบินลำนี้มีชื่อ Enola Gay) ผู้ทำหน้าที่นักบินคือ นายพันโทพอล ทิบเบตส์ (Paul Tibbets) แห่งกองกำลังอากาศในกองทัพบกสหรัฐอเมริกา (ภายหลังได้ยกฐานะขึ้นเป็นกองทัพอากาศ) นับเป็นระเบิดปรมาณูลูกแรก ที่ใช้ในการสงคราม ส่วนระเบิดปรมาณูลูกที่สอง ซึ่งมีชื่อว่า <a title="แฟตแมน" href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¹à¸Ÿà¸•à¹à¸¡à¸™">แฟตแมน</a> นั้น ถูกนำไปทิ้งเหนือเมือง<a class="mw-redirect" title="นางาซากิ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/นางาซาà¸à¸´">นางาซากิ</a>ของญี่ปุ่นในอีก 3 วันต่อมาอาวุธนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นในระหว่างจัดตั้ง<a title="โครงการแมนฮัตตัน" href="http://th.wikipedia.org/wiki/โครงà¸à¸²à¸£à¹à¸¡à¸™à¸®à¸±à¸•à¸•à¸±à¸™">โครงการแมนฮัตตัน</a> ในช่วง<a class="mw-redirect" title="สงครามโลกครั้งที่ 2" href="http://th.wikipedia.org/wiki/สงครามโลà¸à¸„รั้งที่_2">สงครามโลกครั้งที่ 2</a> และได้กำลังระเบิดมาจากธาตุ<a title="ยูเรเนียม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ยูเรเนียม">ยูเรเนียม</a>ที่ผ่านกระบวนการแยกไอโซโทปแล้ว (<a class="new" title="Enriched uranium (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=Enriched_uranium&action=edit&redlink=1">enriched uranium</a>) การทิ้งระเบิดปรมาณูเหนือเมืองฮิโรชิมา และนางาซากิของญี่ปุ่นนั้น ถือเป็นการระเบิดปรมาณูครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ (ครั้งแรก เป็นการทดลองเรียกว่า ทดลองทรีนิตี้ (Trinity test)) ระเบิดลิตเติลบอย มีความยาว 3 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 71 เซนติเมตร และน้ำหนัก 4,000 กิโลกรัม บรรจุธาตุยูเรเนียมประมาณ 64 กิโลกรัม แต่ส่วนที่จะเกิด<a class="mw-redirect" title="ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิซชัน" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ปà¸à¸´à¸à¸´à¸£à¸´à¸¢à¸²à¸™à¸´à¸§à¹€à¸„ลียร์ฟิซชัน">ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิซชัน</a>มีน้ำหนักเพียง 700 กรัมเท่านั้น<br />การทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มฮิโระชิมะและนะงะซะกิ (<a title="ภาษาอังกฤษ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¸">อังกฤษ</a>: The atomic bombings of Hiroshima and Nagasaki) เป็นการโจมตี<a title="จักรวรรดิญี่ปุ่น" href="http://th.wikipedia.org/wiki/จัà¸à¸£à¸§à¸£à¸£à¸”ิà¸à¸µà¹ˆà¸›à¸¸à¹ˆà¸™">จักรวรรดิญี่ปุ่น</a>ด้วย<a title="อาวุธนิวเคลียร์" href="http://th.wikipedia.org/wiki/อาวุธนิวเคลียร์">อาวุธนิวเคลียร์</a>ของ<a title="สหรัฐอเมริกา" href="http://th.wikipedia.org/wiki/สหรัà¸à¸­à¹€à¸¡à¸£à¸´à¸à¸²">สหรัฐอเมริกา</a> เมื่อปลาย<a title="สงครามโลกครั้งที่สอง" href="http://th.wikipedia.org/wiki/สงครามโลà¸à¸„รั้งที่สอง">สงครามโลกครั้งที่สอง</a> โดยคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา <a class="new" title="แฮรี่ เอส. ทรูแมน (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA._%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%99&action=edit&redlink=1">แฮรี่ เอส. ทรูแมน</a> เมื่อวันที่ <a title="6 สิงหาคม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/6_สิงหาคม">6 สิงหาคม</a> และวันที่ <a title="9 สิงหาคม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/9_สิงหาคม">9 สิงหาคม</a> <a title="พ.ศ. 2488" href="http://th.wikipedia.org/wiki/พ.ศ._2488">พ.ศ. 2488</a> หลังจากการโจมตีทิ้ง<a class="new" title="ระเบิดเพลิง (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87&action=edit&redlink=1">ระเบิดเพลิง</a>ตามเมืองต่างๆ 67 เมืองของญี่ปุ่นอย่างหนักหน่วงเป็นเวลาติดต่อกันถึง 6 เดือน สหรัฐอเมริกาจึงได้ทิ้ง "ระเบิดปรมาณู" หรือที่เรียกในปัจจุบันว่าระเบิดนิวเคลียร์ที่มีชื่อเล่นเรียกว่า "เด็กน้อย" หรือ "<a title="ลิตเติลบอย" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ลิตเติลบอย">ลิตเติลบอย</a>" ใส่เมือง<a class="mw-redirect" title="ฮิโรชิมา" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ฮิโรชิมา">ฮิโรชิมา</a>ในวันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ตามด้วย "ชายอ้วน" หรือ "<a title="แฟตแมน" href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¹à¸Ÿà¸•à¹à¸¡à¸™">แฟตแมน</a>" ลูกที่สองใส่เมือง<a title="นะงะซะกิ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/นะงะซะà¸à¸´">นะงะซะกิ</a>โดยให้จุดระเบิดที่ระดับสูงเหนือเมืองเล็กน้อย นับเป็นระเบิดนิวเคลียร์เพียง 2 ลูกเท่านั้นที่นำมาใช้ใน<a title="ประวัติศาสตร์" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ประวัติศาสตร์">ประวัติศาสตร์</a>การทำ<a title="สงคราม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/สงคราม">สงคราม</a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRgxmMvbPOd34dv6yttYyMEOGQU7IWZ71MFa-eVwCytHcmp8Z6WQ5oQFf7axKynrcGyl8658b-6rxwDCzEVpUrHWNfqVX6K6rsQ3MYUwGCD0sc82JQMVCGHjD_m9iLTCjz-D5wYKzRefuu/s1600-h/Japan_map_hiroshima_nagasaki.png"></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOkkI9hsId3ka7s11Wzf-HuPojri9FLw5-rRhmIJCh9t0nU7Ts9irnXvUGH12LLWqgrIbPSXi9sEEfL8GAX57chM99YsmiYEMq-vNF4pOn-8XnhRAhd8h0m07MH-SziJap7EHHGyj_FIDn/s1600-h/212px-Nagasakibomb.jpg"></a><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5374993929643471122" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 271px; CURSOR: hand; HEIGHT: 320px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4cuOmCurf8_4CYimfM0s9PB-QKLWkfB88dx2NjyzJQyLkBwyor7jcj_4HeMwEfuz8nFs5QaN9oDzMCKWjK7EKBZHqyLTlnc4iAZrOKsw0ekHPsLnpBMQgSvzY8ky5LGvkrIlufqVnLftx/s320/Japan_map_hiroshima_nagasaki%5B1%5D.png" border="0" /><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5374994210198775778" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 212px; CURSOR: hand; HEIGHT: 253px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiG4o4XY_nEpeBqrXsM0Fy8eRMVfm1o73PVruETyERcoiwLOiDARALI36lc-3Afht_kRJ7uxkhpdloe1GPJ_5y49sa1BVsDBtgDl7meFauETfxvFHrYRSOn6lS6mlzANurY5tpdpR-wqNHo/s320/212px-Nagasakibomb%5B1%5D.jpg" border="0" /><br />เมฆรูปดอกเห็ดที่ลอยตัวสูงถึง 18 กิโลเมตรเหนือจุดระเบิดของ "ชายอ้วน"<br />หรือ "แฟทแมน" ลูกที่สองที่ระเบิดกลางอากาศเหนือเมืองนะงะซะกิ<br />การระเบิดทำให้มีคนตายที่<a class="mw-redirect" title="ฮิโรชิมา" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ฮิโรชิมา">ฮิโรชิมา</a> 140,000 คนและที่<a title="นะงะซะกิ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/นะงะซะà¸à¸´">นะงะซะกิ</a> 80,000 คนโดยนับถึงปลายปี พ.ศ. 2488 จำนวนคนที่เสียชีวิตทันทีในวันที่ระเบิดลงมีจำนวนประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนที่กล่าวนี้ และในระยะต่อมาก็ยังมีผู้เสียชีวิตด้วยการบาดเจ็บหรือจากการรับ<a title="กัมมันตภาพรังสี" href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¸à¸±à¸¡à¸¡à¸±à¸™à¸•à¸">กัมมันตภาพรังสี</a>ที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากการระเบิดอีกนับหมื่นคน ผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดในทั้ง 2 เมืองเป็นพลเรือน<a class="image" title="แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองฮิโรชิมาและนะงะซะกิ ประเทศญี่ปุ่นที่ถูกทิ้งระเบิดปรมาณู" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ไฟล์:Japan_map_hiroshima_nagasaki.png"></a><a class="internal" title="ขยาย" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ไฟล์:Japan_map_hiroshima_nagasaki.png"></a>แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองฮิโรชิมาและนะงะซะกิ ประเทศญี่ปุ่นที่ถูกทิ้งระเบิดปรมาณูหลังการทิ้งระเบิดลูกที่สองเป็นเวลา 6 วัน ญี่ปุ่นประกาศตกลงยอมแพ้สงครามต่อ<a class="mw-redirect" title="ฝ่ายพันธมิตร" href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¸à¹ˆà¸²à¸¢à¸žà¸±à¸™à¸˜à¸¡à¸´à¸•à¸£">ฝ่ายพันธมิตร</a>เมื่อวันที่ <a title="15 สิงหาคม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/15_สิงหาคม">15 สิงหาคม</a> พ.ศ. 2488 และลงนามใน<a title="ตราสาร" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ตราสาร">ตราสาร</a>ประกาศยอมแพ้<a title="สงครามมหาสมุทรแปซิฟิก" href="http://th.wikipedia.org/wiki/สงครามมหาสมุทรà¹à¸›à¸‹à¸´à¸Ÿà¸´à¸">สงครามมหาสมุทรแปซิฟิก</a>ที่นับเป็นการยุติสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างเป็นทางการในวันที่ <a title="2 กันยายน" href="http://th.wikipedia.org/wiki/2_à¸à¸±à¸™à¸¢à¸²à¸¢à¸™">2 กันยายน</a> พ.ศ. 2488 (<a title="นาซีเยอรมนี" href="http://th.wikipedia.org/wiki/นาซีเยอรมนี">นาซีเยอรมนี</a>ลงนามตราสารประกาศยอมแพ้และยุติสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรปอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ <a title="5 พฤษภาคม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/5_พฤษà¸">5 พฤษภาคม</a> พ.ศ. 2488) การทิ้งระเบิดทั้งสองลูกดังกล่าวมีส่วนทำให้ประเทศญี่ปุ่นต้องยอมรับหลักการ 3 ข้อว่าด้วยการห้ามมีอาวุธนิวเคลียร์ สหรัฐอเมริกา กับอังกฤษและแคนนาดา ได้ร่วมมือกันตั้งโครงการลับ "ทูบอัลลอยด์" และ "สถานีวิจัยคลาค รีเวอร์" เพื่ออกแบบและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ลูกแรก ภายใต้โครงการที่เรียกว่า "โครงการแมนฮัตทัน" ภายใต้การค้นคว้าวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ และนักฟิสิกส์อเมริกัน นาม เจ โรเบิร์ต, ระเบิดปรณูที่ใช้ถล่มเมือง ฮิโรชิมา ของญี่ปุ่น ที่ชื่อ "ลิตเติ้ลบอย" นั้น ได้ใช้ <a class="new" title="ยูเรเนี่ยม (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A1&action=edit&redlink=1">ยูเรเนี่ยม</a> -235, ลูกระเบิดลูกแรกถูกทดสอบที่ ทรีนิตี้ ,นิวเม็กซิโก ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2488 ,ส่วนระเบิดที่ใช้ถล่ม นางาซากิ นั้นใช้ พลูโตเนี่ยม -239<a id=".E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B9.80.E0.B8.A5.E0.B8.B7.E0.B8.AD.E0.B8.81.E0.B9.80.E0.B8.9B.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.AB.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B8.A2.E0.B8.97.E0.B8.B4.E0.B9.89.E0.B8.87.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B9.80.E0.B8.9A.E0.B8.B4.E0.B8.94" name=".E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B9.80.E0.B8.A5.E0.B8.B7.E0.B8.AD.E0.B8.81.E0.B9.80.E0.B8.9B.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.AB.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B8.A2.E0.B8.97.E0.B8.B4.E0.B9.89.E0.B8.87.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B9.80.E0.B8.9A.E0.B8.B4.E0.B8.94"></a></div><div> </div><div>[<a title="แก้ไขส่วน: การเลือกเป้าหมายทิ้งระเบิด" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B0%E0%B8%8B%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B4&action=edit&section=2">แก้</a>] การเลือกเป้าหมายทิ้งระเบิดในวันที่ 10 -11 พฤษภาคม 2488 ได้มีการคัดเลือกเป้าหมายที่ Los Alamos นำโดยเจ โรเบิร์ต นักฟิสิกซ์ ใน "โครงการแมนฮัตทัน" ได้แนะนำ เป้าหมายสำหรับระเบิดลูกแรก คือ เมืองเกียวโต ,ฮิโรชิมา ,โยโกฮามา โดยใช้เงื่อนไขที่ว่าเป้าหมายต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 ไมค์และเป็นเขตชุมชุนที่สำคัญขนาดใหญ่ ระเบิดต้องสามารถทำลายล้างและสร้างความเสียหายได้อย่างมีประสิทธภาพ เป้าหมายมียุทโธปกรณ์และที่ตั้งของทหารต้องได้รับการระบุที่ตั้งแน่นอน เพื่อป้องกันหากการทิ้งระเบิดเกิดข้อผิดพลาด </div><div><br />ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนั้น เรียกจุดที่ระเบิดถูกทิ้งลงใส่ ฮิโรชิมา ว่า "ฮิบะกุชะ" ในภาษาญี่ปุ่นหรือแปลเป็นภาษาไทยว่า "จุดระเบิดที่มีผลกระทบต่อชาวญี่ปุ่น" ด้วยเหตุนี้ ญี่ปุ่น จึงมีนโยบายต่อต้่านการใช้ระเบิดปรมณู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และประกาศเจตนาให้โลกรู้ว่า ญี่ปุ่นมีนโยบายจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์, ในวันที่ 31 เดือนมีนาคม 2551 "ฮิบะกุชะ" มีรายชื่อผู้เสียชีวิตจากทั้งสองเมืองของญี่ปุ่น ที่ถูกจารึกไว้ประมาณ 243,692 คน และในเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน มีรายชื่อผู้เสียชีวิตที่ถูกจารึกไว้เพิ่มขึ้นมากกว่า 400,000 คน โดยแบ่งออกเป็น เมืองฮิโรชิมา 258,310 คน และเมืองนางาซากิ 145,984 คน</div><div> </div><div><a id=".E0.B8.9C.E0.B8.B9.E0.B9.89.E0.B8.A3.E0.B8.AD.E0.B8.94.E0.B8.8A.E0.B8.B5.E0.B8.A7.E0.B8.B4.E0.B8.95.E0.B8.8A.E0.B8.B2.E0.B8.A7.E0.B9.80.E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.AB.E0.B8.A5.E0.B8.B5" name=".E0.B8.9C.E0.B8.B9.E0.B9.89.E0.B8.A3.E0.B8.AD.E0.B8.94.E0.B8.8A.E0.B8.B5.E0.B8.A7.E0.B8.B4.E0.B8.95.E0.B8.8A.E0.B8.B2.E0.B8.A7.E0.B9.80.E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.AB.E0.B8.A5.E0.B8.B5"></a>[<a title="แก้ไขส่วน: ผู้รอดชีวิตชาวเกาหลี" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B0%E0%B8%8B%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B4&action=edit&section=18">แก้</a>] ผู้รอดชีวิตชาวเกาหลีในระหว่างสงครามนั้น ญี่ปุ่นได้เกณฑ์แรงงานชาวเกาหลีไปใช้งานอย่างทาสในทั้งสองเมือง ทั้งฮิโรชิมา และนางาซากิ. ปัจจุบันคาดการณ์ว่ามีชาวเกาหลีที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ ในประเทศญี่ปุ่น ที่เมือง ฮิโรชิมา ประมาณ 20,000 คน และอีกประมาณ 2,000 คน เสียชีวิตที่เมืองนางาซากิ ซึ่งประชากรเกาหลีที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้มากถึง 1 ใน 7 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด , ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาชาวเกาหลีพยายามต้อสู้เพื่อรับการดูแลรักษา ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ,อย่างไรก็ตามทุกคนได้รับการเยียวยาภายใต้กฎหมายในปัจจุบัน.</div><div> </div><div>ที่มา <a href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¸à¸²à¸£à¸—ิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มฮิโระชิมะà¹à¸¥à¸°à¸™à¸°à¸‡à¸°à¸‹à¸°à¸à¸´">http://th.wikipedia.org/wiki/à¸à¸²à¸£à¸—ิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มฮิโระชิมะà¹à¸¥à¸°à¸™à¸°à¸‡à¸°à¸‹à¸°à¸à¸´</a></div></div></div></div>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7992585851563982695.post-12047016528069696702009-08-27T07:01:00.000-07:002009-08-27T07:13:43.827-07:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEibnEqb1Uc_t0qvdJUI4usNHhwrwzjCzBYDGWl6lPo7wEaCWv71J-YywbNmGQ5nsrRg_WGio_ubxDmVIRhzKqltzGqaNmvyKYY3rVsnizkxJzwtSZ4OAHtzg4BG8qxGSI0mPWcjw82Rlf63/s1600-h/king4_ok[2].png"><span style="font-family:courier new;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5374644960330764706" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 320px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEibnEqb1Uc_t0qvdJUI4usNHhwrwzjCzBYDGWl6lPo7wEaCWv71J-YywbNmGQ5nsrRg_WGio_ubxDmVIRhzKqltzGqaNmvyKYY3rVsnizkxJzwtSZ4OAHtzg4BG8qxGSI0mPWcjw82Rlf63/s320/king4_ok%5B2%5D.png" border="0" /></span></a><span style="font-family:courier new;"><br /></span><div><span style="font-family:courier new;">ประวัติศาสตร์ให้โด่งดังปรากฎไปทั่วโลก และนำพระเกียรติยศเกียรติประวัติมาสู่ประเทศไทย นำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนชาวไทยตราบทุกวันนี้ โดยเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่งอรรคราชวรเดชเพื่อทรงพิสูจน์การคำนวณสถานที่และเวลาการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงได้อย่างถูกต้องชัดเจน ซึ่งคำนวณล่วงหน้าไว้ถึง 2 ปีว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในวันอังคาร เดือน 9 ขึ้น 1 ค่ำปีมะโรง จุลศักราช 1230 ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม 2411 โดยเส้นศูนย์ของอุปราคาจะผ่านมาใกล้ที่สุด ณ บ้านหว้ากอ แขวงเมืองประจวบคีรีขันธ์ ในพระราชอาณาจักรสยาม ทางฝั่งทะเลตะวันออกของแหลมมลายู ตรงเส้นวิตถันดร (แลตติดจูต) 11 องศา 38 ลิปดาทิศเหนือ และเส้นทีรฆันดร (ลองติดจูต) 29 องศา 39 ลิปดาทิศตะวันออก โดยคราสเริ่มจับเวลา 10 นาฬิกา 4 นาที จับเต็มดวง เวลา 11 นาฬิกา 36 นาที 20 วินาที กินเวลานาน 6 นาที 45 วินาที คลายคราสออกเวลา 13 นาฬิกา 37 นาที 45 วินาที ซึ่งไม่ปรากฎว่ามีหลักฐานการคำนวณจากประเทศตะวันตกมาก่อนหน้านี้</span></div><div><span style="font-family:courier new;"></span> </div><div><span style="font-family:courier new;">ในระหว่างนั้นประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างก็เฝ้ารอวันพิสูจน์การเกิดสุริยุปราคาที่หว้ากอ เมื่อใกล้ถึงวัน ทรงโปรดให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์มาสร้างค่ายไว้ล่วงหน้า และพระองค์ได้ใช้ค่ายนี้เป็นห้องทดลองวิทยาศาสตร์กลางแจ้ง เพื่อเป็นที่ชุมนุมของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกและคณะฑูตานุทูตประเทศต่างๆ แล้วก็เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ตามที่พระองค์ทรงคำนวณ โดยไม่คลาดเคลื่อน พระราชกรณียกิจในครั้งนั้นทำให้พระเกียรติยศระบือไกล บรรดาแขกต่างประเทศจำนวนมากได้รับทราบถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ที่มีไม่แพ้ชาติใด ทั้งๆที่ยังขาดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ พระเกียรติคุณในด้านวิทยาศาสตร์ เป็นที่ยอมรับและปรากฎเด่นชัดแก่บรรดานักปราชญ์ และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก แต่ประชาชนชาวไทยก็ต้องประสบกับความสญเสียครั้งใหญ่หลวง เมื่อพระองค์เสด็จกลับกรุงเทพได้เพียง 5 วัน ก็ทรงประชวรและเสด็จสวรรคตด้วยไข้มาเลเรีย ในวันที่ 1 ตุลาคม 2411 นั่นเอง</span></div><div><span style="font-family:courier new;"></span> </div><div><span style="font-family:courier new;">เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระองค์และวันสำคัญทางประวัติศาสตร์นั้น ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2532 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ และในวันที่ 3 พฤษภาคม 2533 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานนามสถานที่แห่งนี้ว่า "อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้งขึ้นเป็นสถานศึกษาเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2536 ปัจจุบันสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย"</span></div><div><span style="font-family:courier new;"></span> </div><div><span style="font-family:courier new;">ที่มา</span><a href="http://www.waghor.go.th/v1/aboutus/aboutus.html"><span style="font-family:courier new;">http://www.waghor.go.th/v1/aboutus/aboutus.html</span></a><span style="font-family:courier new;"> </span></div>ทัศนัย ใยไม้ 1/3 โรงเรียนเมืองเชลียงhttp://www.blogger.com/profile/14357966868789219658noreply@blogger.com0